ภาวะเบี่ยงเบนทางเพศ(Paraphilias)

คนเราสามารถมีรสนิยมทางเพศที่หลากหลาย แตกต่างกันได้ ไม่ได้แปลว่าต้องมีภาวะเบี่ยงเบนทางเพศ หรือ ‘กามวิปริต’ ค่ะ

ก่อนอื่นเรามาดูกันค่ะว่า ภาวะเบี่ยงเบนทางเพศ(Paraphilias) คืออะไร

ภาวะเบี่ยงเบนทางเพศ คือ ภาวะที่เรามีพฤติกรรมทางเพศ หรือ สิ่งเร้าที่กระตุ้นต่อความต้องการทางเพศแตกต่างจากคนทั่วไป เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 6 เดือน

ภาวะเบี่ยงเบนทางเพศ แบ่งเป็น 9 ประเภท ได้แก่

  1. Exhibitionism : ผู้ที่มีภาวะนี้จะรู้สึกตื่นเต้นและเกิดอารมณ์ทางเพศเมื่อได้โชว์ของลับ ต่อบุคคลอื่น หรือโชว์ในที่สาธารณะ
  2. Erectile dysfunction : ผู้ป่วยจะเกิดอารมณ์ทางเพศเมื่อได้ถูอวัยวะเพศของตนเองเพื่อสำเร็จความใคร่กับเสื้อผ้าภายนอกของบุคคลอื่น
  3. Voyeurism : ผู้ป่วยจะเกิดอารมณ์ทางเพศ เมื่อได้แอบดูบุคคลอื่นเปลือยกาย หรือมีเพศสัมพันธ์
  4. Fetishism : ผู้ป่วยจะใช้วัตถุที่ไม่ได้ใช้สำหรับการร่วมเพศมาใช้ให้เกิดอารมณ์ทางเพศ
  5. Transvestic Fetishism : ผู้ป่วยจะรู้สึกเกิดอารมณ์ทางเพศเมื่อได้แต่งกายเป็นเพศตรงข้าม
  6. Pedophilia : ผู้ป่วยจะมีอารมณ์ทางเพศกับเด็ก(อายุน้อยกว่า 13 ปี)
  7. Sexual Masochism : ผู้ป่วยจะมีอารมณ์ทางเพศเมื่อตนเองได้รับความเจ็บปวด
  8. Sexual Sadism : ผู้ป่วยจะเกิดอารมณ์ทางเพศ เมื่อตนเองได้ทำให้ผู้อื่นเกิดความเจ็บปวด
  9. Homosexualism : ผู้ป่วยจะรู้สึกมีอารมณ์ทางเพศกับเพศเดียวกัน

จะเห็นว่าภาวะเบี่ยงเบนทางเพศนั้นมีหลายรูปแบบ ซึ่งหากเรารู้ตัวเองว่าเรามีภาวะเบี่ยงเบนทางเพศในลักษณะที่อาจทำให้ผู้อื่นเกิดความเดือนร้อน เราสามารถไปพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาและบำบัดภาวะที่เราเป็นได้
หรือหากบางคนที่รู้ตนเองว่าตนเองมีภาวะเบี่ยงเบนทางเพศในแบบไหน จะได้หาคนที่เข้ากันได้ค่ะ เช่น ผู้ที่มีภาวะ Sexual Sadism กับ Sexual Masochism เป็นต้นค่ะ

สนใจบริการ

บริการเจาะเลือดที่บ้าน #บริการทำแผลที่บ้าน #บริการวางแผนสอนดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุที่บ้าน #บริการเปลี่ยนสายให้อาหารที่บ้าน #บริการเปลี่ยนสายสวนปัสาสวะที่บ้าน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line : @unitynursingcare
Tel 📱: 063-526-5593
E-mail 📩: unitynursingcare@gmail.com
Website 🌐 : www.unitynursingcare.com

ซีดไม่ซีดเค้าดูกันยังไง

ใครเคยโดนทักว่า ดูซีดๆ บ้างคะ แล้วคำว่าซีดนี่ วัดจากอะไรน้า สีผิวหรอ? เป็นคนผิวขาว แล้วต้องซีด เกี่ยวรึป่าว?

วันนี้เราจะมาดูนิยามของคำว่า ภาวะซีด หรือที่เรียกกันว่า Anemia กันค่ะ

ภาวะซีด คือ ภาวะที่ร่างกายของเรา มีระดับ ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) หรือ ฮีมาโตคริต (Hematocrit) ต่ำกว่าระดับปกติ ในผู้ที่มีภาวะซีด หรือ โลหิตจาง มักจะมีอาการเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ผิวหนังซีด เนื่องจากปริมาณของเม็ดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ในร่างการมีปริมาณน้อย ทำให้ร่างกายของเราได้รับออกซิเจนอย่างไม่เพียงพอทำให้เกิดอาการต่างๆ เหล่านั้นนั่นเองค่ะ

ซึ่งภาวะซีดนั้นสามารถพบได้จากการที่เจาะเลือด ตรวจ CBC (Complete Blood Count) หรือ Hematocrit โดยตรงนั่นเอง

ผู้ป่วยที่มีภาวะซีด สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  1. ภาวะซีดแต่กำเนิด หรือเป็นโรคทางพันธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย(Thalassemia)
  2. ภาวะซีดจากการรับประทานอาหาร ที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ
  3. ภาวะซีดจากการเสียเลือดมาก

ซึ่งเมื่อตรวจเลือดแล้วพบว่าร่างกายของเรามีภาวะซีด จึงจำเป็นต้องหาสาเหตุเพื่อจะได้รับการรักษาได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากหากสาเหตุต่างกันจะ มีการรักษาที่ไม่เหมือนกันนั่นเอง เช่น

  • ภาวะซีดที่เกิดจากกรรมพันธุ์ เช่น โรคธาลัสซีเมีย จะต้องดูแลสุขภาพ รับประทานผัก ไข่ นม หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนัก เป็นต้น
  • ภาวะซีดจากการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ต้องแก้ไขด้วยการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงเพิ่มขึ้น เช่น เนื้อสัตว์ ไข่แดง ผักใบเขียว
  • ภาวะซีดที่เกิดจากการเสียเลือด ต้องทำการห้ามเลือดในจุดนั้นๆ เพื่อให้เลือดหยุดไหล ไม่เสียเลือดเพิ่มเติม

และในผู้ป่วยที่มีภาวะซีดอยู่ในระดับวิกฤตอาจจำเป็นต้องมีการให้เลือดแดง (Pack Red Cell) เพื่อเพิ่มระดับความเข้มข้นของตัว Hemoglobin และ Hematocrit ในเลือดค่ะ และนอกจากนี้แพทย์อาจมีการพิจารณาเรื่องการรับประทานยาบำรุงเลือดเพิ่มได้ค่ะ

สนใจบริการ

บริการเจาะเลือดที่บ้าน #บริการทำแผลที่บ้าน #บริการวางแผนสอนดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุที่บ้าน เปลี่ยนสายให้อาหารสาย #บริการเปลี่ยนสายสวนปัสาสวะที่บ้าน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line : @unitynursingcare
Tel 📱: 063-526-5593
E-mail 📩: unitynursingcare@gmail.com
Website 🌐 : www.unitynursingcare.com

สายให้อาหารหลุด ทำยังไงดี ?

ผู้ป่วยหลายคน เมื่อออกจาก รพ. ถ้ายังทานอาหารได้น้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อาจจะมีสายให้อาหารทางจมูก(NG tube) กลับมาที่บ้านด้วย ซึ่งเมื่อผู้ป่วยมีสายยางให้อาหารทางจมูก ญาติหรือผู้ดูแลจะต้องช่วยกันดูแลสายให้อาหาร ไม่ว่าจะเป็น

⁃ การดูแลความสะอาดภายในสายให้อาหาร

⁃ การดูแลพลาสเตอร์ที่แปะผิวหนังบริเวณจมูกให้ยึดติดกับผิวหนังบริเวณจมูกได้ดี ไม่หลุดง่าย

⁃ การเช็คตำแหน่งของสายให้อาหารไม่ให้มีการเลื่อนจากตำแหน่ง

แล้วถ้าสายมีหลุดออกมา ไม่ว่าจะจากสาเหตุที่
⁃ ผู้ป่วยมีดึงสายออกเอง
⁃ ผู้ป่วยมีไอ จาม อาเจียนจนสายหลุดออกมา

ญาติหรือผู้ดูแลต้องทำการประเมินว่าผู้รับบริการสามารถทานอาหารทางปากได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายหรือไม่ หากผู้ป่วยยังไม่สามารถทานอาหาร หรือน้ำทางปากได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ผู้ป่วยต้องได้รับการใส่สายให้อาหารกลับเข้าไปใหม่สำหรับการให้อาหารและน้ำ

หากสายให้อาหารหลุดแล้วญาติหรือผู้ดูแลปล่อยทิ้งไว้ ไม่ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการใส่สายให้อาหารใหม่ และตัวผู้ป่วยเองที่ยังทานอาหารได้น้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะขาดสารอาหาร(Malnutrition) หรือหากการกลืนยังไม่ดีแล้วทานอาหารทางปากอาจเสี่ยงการสำลักอาหาร(Aspirate) ได้ค่ะ

สนใจบริการ

บริการเจาะเลือดที่บ้าน #บริการทำแผลที่บ้าน #บริการวางแผนสอนดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุที่บ้าน #เปลี่ยนสายให้อาหารสาย #บริการเปลี่ยนสายสวนปัสาสวะที่บ้าน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line : @unitynursingcare
Tel 📱: 063-526-5593
E-mail 📩: unitynursingcare@gmail.com
Website 🌐 : www.unitynursingcare.com

แผลเป็น (Scar)

กินไข่เดี๋ยวแผลเป็นไม่สวย… จริงหรือ?

เวลาเป็นแผลขึ้นมาทีนอกจากจะเจ็บตัวตอนเกิดแผลแล้วนั้น ตอนแผลหายก็เกิดความกังวลอีกว่า ถ้าแผลหายจะเป็นแผลเป็นหรือเปล่า
หลายคนอาจจะเคยได้ยิน คำสอนที่ว่า เป็นแผลอย่ากินไข่นะ เดี๋ยวแผลเป็นนูน ไม่สวย นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่านะ 🤔

ในความจริงแล้ว เมื่อเราเป็นแผล ไม่ได้มีข้อห้ามในการกินไข่เลยค่ะ นอกจากจะไม่ห้ามแล้วนั้น การกินไข่ยังส่งผลดีกับแผลเพราะจะทำให้แผลหายเร็วขึ้น เนื่องจากไข่เป็นโปรตีน และตัวโปรตีนนี้เองที่จะช่วยทำหน้าที่ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย จึงช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้นค่ะ

สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องไขมันในเลือดสูง สามารถหลีกเลี่ยงการรับประทานไข่แดงได้ เพราะไข่แดงมีคอเรสเตอรอลสูงค่ะ สามารถแกะทานแต่ไข่ขาว หรือประกอบอาหารจากไข่ขาวได้ค่ะ

เมื่อแผลเราหาย บริเวณที่เคยเป็นแผลจะเกิดเป็นลักษณะของแผลเป็น ซึ่งมีได้ หลายลักษณะ เช่น

⁃ แผลเป็นชนิดขาว เกิดจากการที่เนื้อเยื่อที่สร้างขึ้นใหม่ ผิวหนังบริเวณนั้นมีลักษณะขาว ซีด กว่าผิวหนังรอบๆ เนื่องจากว่าขาดเม็ดสีผิว เมลานิน(Melanin) นั่นเองค่ะ ซึ่งรอยแผลเป็นประเภทนี้ สามารถรักษาให้หายได้โดยการฉายรังสี UV เพื่อให้ผิวหนังในบริเวณที่เป็นแผลเป็น มีสีผิวคล้ำขึ้นมาเทียบเท่ากับผิวหนังบริเวณด้านข้างค่ะ นอกจากนี้หากไม่ไปทำการรักษา แผลเป็นสีขาวยังสามารถปกปิดด้วยเครื่องสำอางค์ได้ด้วยค่ะ

⁃ แผลเป็นลักษณะนูน เกิดจากในช่วงกระบวนการหายของแผลมีการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อและคอลลาเจนมากจนเกินไปทำให้เวลาแผลหายมีลักษณะของเนื้อที่นูนขึ้น การรักษาแผลเป็นชนิดนี้สามารถทำได้โดยการฉีด steroid เพื่อลดการอักเสบเนื้อเยื่อบริเวณนั้น เมื่อฉีดไปหลายรอบจะทำให้รอยแผลเป็นนูนลดลงค่ะ

เราจะเห็นได้ว่าหากเกิดรอยแผลเป็นขึ้นมาแล้วการรักษาแผลเป็นหลังเกิดนั้นสามารถทำได้ แต่หากยิ่งปล่อยไว้นานแผลเป็นก็จะยิ่งแข็งและหายยากขึ้น ดังนั้นหากเราเป็นแผลในระยะที่แผลใกล้หาย ตกสะเก็ด เราสามารถทายาลดรอยแผลเป็นกันไว้ก่อนได้เลยค่ะ เพื่อช่วยลดการดึงรั้งของเนื้อเยื่อที่สร้างขึ้นมาใหม่ ทำให้รอยแผลเป็นอ่อนนุ่มและดูจางลง หรืออาจใช้แผ่นซิลิโคนลดรอยแผลเป็นปิดที่แผลเป็นเพื่อช่วยให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีความชุ่มชื่นเพิ่มขึ้นค่ะ

สนใจบริการ

บริการเจาะเลือดที่บ้าน #บริการทำแผลที่บ้าน #บริการวางแผนสอนดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุที่บ้าน #เปลี่ยนสายให้อาหารสาย #บริการเปลี่ยนสายสวนปัสาสวะที่บ้าน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line : @unitynursingcare
Tel 📱: 063-526-5593
E-mail 📩: unitynursingcare@gmail.com
Website 🌐 : www.unitynursingcare.com

ฝี (Abscess)

ฝีเกิดจากการที่ต่อมน้ำมันหรือต่อมเหงื่อของเรามีสิ่งสกปรกหรือเซลล์ผิวหนังที่ตายเข้าไปอุดตันทำให้เกิดการอักเสบ(Inflammation) ขึ้น

ซึ่งเมื่อมีเชื้อโรคเข้ามาในร่างกายเรา เม็ดเลือดขาว(white blood cell) ในร่างกายเราจะออกมาเพื่อกำจัดเชื้อโรค เมื่อเม็ดเลือดขาวในร่างกายเราย่อยสลายเชื้อโรคจะเกิดเป็นลักษณะของหนองได้

การอักเสบของผิวหนัง จะเห็นเป็นลักษณะผิวหนังบวม แดง ใต้ผิวหนังอาจมีหัวหนองสีเหลือง ซึ่งเจ้าตัวหัวหนองเหลืองนี้หากไม่ได้ได้รับการกรีดออกหรือเจาะออกแล้วนั้นจะทำให้การอักเสบไม่หายแล้วนอกจากนี้ หากปล่อยไว้จะทำให้ตัวหนองมีปริมาณมากขึ้น การอักเสบบวมแดง ขยายขนาดมากขึ้นค่ะ

เราจะป้องกันการเกิดฝีได้อย่างไร

  1. ดูแลความสะอาดของร่างกายอยู่เสมอ เช่น อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย ล้างมื้อเมื่อสัมผัสสิ่งสกปรก
  2. ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว
  3. รักษาความสะอาดของของใช้ประจำวัน เช่น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน

ดังนั้นหากใครเริ่มเป็นฝีในระยะแรก แนะนำว่าควรไปพบแพทย์ตั้งแต่ตอนเริ่มเป็นน้อยๆ ค่ะ เพื่อที่แพทย์จะได้ทำการเจาะหรือกรีดตัวหนองออกจากผิวหนัง และอาจมีการประเมินการเรื่องการให้ยาฆ่าเชื้อร่วมด้วย นอกจากนี้ต้องมีการทำความสะอาดแผลทุกวันเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่แผลค่ะ ในผู้ป่วยที่มีการกรีดหนองนั้น ผิวหนังมักจะเป็นรูหรือเป็นโพรงกว้าง ตามขนาดของตัวหนองที่อยู่ด้านในผิวหนัง การทำแผลจึงต้องมีการใส่วัสดุเข้าไปในโพรงแผลด้วยค่ะ

สนใจบริการ

บริการเจาะเลือดที่บ้าน #บริการทำแผลที่บ้าน #บริการวางแผนสอนดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุที่บ้าน #เปลี่ยนสายให้อาหารสาย #บริการเปลี่ยนสายสวนปัสาสวะที่บ้าน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line : @unitynursingcare
Tel 📱: 063-526-5593
E-mail 📩: unitynursingcare@gmail.com
Website 🌐 : www.unitynursingcare.com