หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับภาพจำของ ‘โรคพาร์กินสัน’ ว่าคือโรคที่ทำให้มีอาการมือสั่น แต่จริงๆ แล้ว โรคนี้มีรายละเอียดที่ซับซ้อนกว่านั้น และเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและคนรอบข้างไม่น้อย
วันนี้เรามาทำความเข้าใจโรคนี้ให้มากขึ้นกันนะคะ เพื่อการสังเกต ดูแล และรับมือได้อย่างถูกต้องค่ะ
🧠 โรคพาร์กินสัน คืออะไร?
โรคพาร์กินสัน คือ โรคที่เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาทและสมอง โดยเฉพาะเซลล์สมองในส่วนที่สร้างสาร ‘โดปามีน’ (Dopamine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่สำคัญในการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
เมื่อสารโดปามีนลดน้อยลง สมองจึงไม่สามารถสั่งการให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างปกติเหมือนเดิมค่ะ
🔍 4 สัญญาณเตือนหลัก ที่ควรสังเกต
แม้ว่าอาการสั่นจะเป็นอาการเด่น แต่ผู้ป่วยพาร์กินสันไม่จำเป็นต้องมีอาการสั่นทุกคน และยังมีอีก 3 อาการหลักที่สำคัญ ได้แก่:
- อาการสั่น มักเกิดขึ้นขณะพัก หรืออยู่นิ่งๆ (เช่น นั่งดูทีวี วางมือบนตัก) ส่วนใหญ่จะเริ่มเป็นที่มือข้างใดข้างหนึ่งก่อน แล้วค่อยเป็นทั้งสองข้าง
- เคลื่อนไหวช้า เป็นอาการสำคัญมาก! ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าร่างกายอืดอาด ทำอะไรช้าลง เช่น ลุกนั่งลำบาก, ก้าวเท้าสั้นๆ, เขียนหนังสือตัวเล็กลง, หรือใบหน้าดูไร้อารมณ์ (หน้ากากพาร์กินสัน)
- อาการเกร็ง กล้ามเนื้อจะแข็งเกร็ง ทำให้รู้สึกตึง เวลายืดเหยียดแขนขา จะรู้สึกมีแรงต้านเป็นจังหวะ
- การทรงตัวไม่ดี เป็นอาการที่มักเกิดในระยะหลังของโรค ผู้ป่วยจะทรงตัวได้ไม่ดี หกล้มง่าย โดยเฉพาะเวลาหมุนตัวหรือเปลี่ยนท่าทาง
❓ ใครคือกลุ่มเสี่ยง?
ผู้สูงอายุ: เป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก ส่วนใหญ่มักพบในคนอายุ 60 ปีขึ้นไป
- เพศ: พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย
- พันธุกรรม: หากมีคนในครอบครัวเป็น ก็อาจมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป
- สิ่งแวดล้อม: การสัมผัสสารเคมีบางชนิดเป็นเวลานาน (เช่น ยาฆ่าแมลง) อาจเพิ่มความเสี่ยงได้
❤️ การรักษาและดูแล: ไม่หายขาด แต่ควบคุมได้
ปัจจุบัน โรคพาร์กินสันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การรักษาในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่:
- การใช้ยา: เพื่อเพิ่มระดับสารโดปามีนในสมอง หรือกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยควบคุมอาการได้ดี
- กายภาพบำบัด: สำคัญมาก! ช่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหว การทรงตัว การพูด และการกลืน
- การผ่าตัด (ในบางราย): เช่น การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นสมองส่วนลึก หากการใช้ยาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
💪 ส่งต่อความเข้าใจและกำลังใจ
โรคพาร์กินสันเป็นโรคที่ต้องต่อสู้ในระยะยาว ไม่เพียงแต่ผู้ป่วยเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ดูแลด้วย
สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ความเข้าใจ” และ “กำลังใจ” จากคนรอบข้าง หากสังเกตเห็นคนในครอบครัวมีอาการที่น่าสงสัย อย่าปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาท เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาโดยเร็วที่สุดค่ะ
สนใจบริการ
บริการเจาะเลือดที่บ้าน #บริการทำแผลที่บ้าน #เปลี่ยนสายให้อาหารสายที่บ้าน #บริการเปลี่ยนสายสวนคาปัสสาวะที่บ้าน #บริการสอนการดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุที่บ้าน
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line : @unitynursingcare
Tel 📱: 063-526-5593
E-mail 📩: unitynursingcare@gmail.com
Website 🌐 : www.unitynursingcare.com

