ชัก (Seizure)

การชัก (seizure) เกิดจากการที่คลื่นไฟฟ้าในสมองทำงานผิดปกติ ซึ่งมีได้จากหลายสาเหตุ เช่น ผู้ที่เคยผ่าตัดสมอง มีก้อนเนื้องอกในสมอง หรือภาวะไข้สูงในเด็ก สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดการชักขึ้นได้ค่ะ

สิ่งที่กระตุ้นในเกิดการชักในผู้ป่วย มีหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ความร้อน ความเครียด แสงจ้า หรือการรับประทานยาบางอย่าง เช่น ยากระตุ้นประสาท หรือ ยากดประสาท ค่ะ
ซึ่งก่อนที่ผู้ป่วยจะชัก จะมีอาการนำที่เรียกว่า (Aura sign) เช่น ได้กลิ่นแปลกๆ มองเห็นแสง มีจุดมืดในตา รู้สึกมึนงง เป็นต้น

สิ่งที่ห้ามทำเมื่อเจอคนชัก

  1. ห้ามนำช้อน หรือสิ่งของเข้าไปสอดในช่องปาก
  • หลายท่านพอฟังแบบนี้แล้วคงรู้สึกขัดกับสิ่งที่เคยได้ยินมาใช่ไหมคะ บางคนอาจเถียงในใจว่า เอ๋ ‘แล้วถ้าเขากัดลิ้นขึ้นมาละ?’
  • แต่ความจริงแล้วคนชักจะไม่กัดลิ้นค่ะ เนื่องจากลิ้นเป็นกล้ามเนื้อ และเมื่อเกิดการชักขึ้นจะทำให้กล้ามเนื้อของร่างกายเกิดการหด เกร็ง ลิ้นก็จะหดกลับเข้าไปในปากค่ะ (คงไม่มีใครเคยเห็นคนชักไปแลบลิ้นไปใช่ไหมคะ ????) แต่หากเราพยายามง้างปากของผู้ที่กำลังชัก เพื่อสอดสิ่งของเข้าไป จะทำให้ผู้ที่กำลังชักอยู่เกิดการบาดเจ็บในช่องปากได้ค่ะ
  1. ห้ามจับ/ดึง แขนขา ของผู้ที่กำลังชัก
  • หลายคนมีความเชื่อว่า เห็นคนกำลังชักอยู่ ต้องไปช่วยจับ ตรึงแขนขา ร่างกายผู้ป่วยไว้ เพื่อให้ผู้ป่วยหยุดชัก นั่นก็เป็นความเชื่อที่ผิดเช่นกันค่ะ
  • การจับ ตรึง แขนขา ร่างกายของผู้ที่กำลังชัก จะทำให้เกิดการบาดเจ็บแก่ผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เนื่องจากเวลาที่เกิดการชัก กล้ามเนื้อจะเกิดการหด เกร็งใช่ไหมคะ แต่การที่เราไปดึงแขน ดึงขาหรือจับเค้าไว้จะทำให้เกิดการต้านกันและเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ กระดูก หรือข้อต่อ ตามมาได้ค่ะ

การปฐมพยาบาลเมื่อเจอคนชัก ปฏิบัติ ดังนี้ค่ะ

  1. ประเมินสถานการณ์ว่ามีสิ่งที่ทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ที่กำลังชักหรือไม่ เช่น หากมีโต๊ะ เก้าอี้ สิ่งของที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ให้นำออกห่างจากตัวผู้ที่กำลังชัก เพื่อให้ขณะที่เกิดการชักผู้ป่วยจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากวัตถุเหล่านั้น
  2. โทรแจ้ง 1669
  3. ช่วยจับเวลาในการชัก แล้วแจ้งแก่ผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยแจ้งแพทย์และจะได้ปรับยาหรือแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง
  4. หลังจากผู้ป่วยหยุดชักแล้ว หากผู้ป่วยหมดสติและยังหายใจ ให้ดูแลจัดท่านอนที่ปลอดภัย(Recovery Position) ให้ผู้ป่วยเพื่อให้ไม่เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกค่ะ
  5. ดูแลเช็ดน้ำลายหรือสิ่งคัดหลั่งที่ที่ออกมาทางปากให้ผู้ป่วย (อย่าลืมสวมใส่สิ่งป้องกันตนเอง ไม่สัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วยโดยตรงนะคะ)

เมื่อทราบแบบนี้แล้ว Unity Nursing Care เชื่อว่าหากท่านพบผู้ที่กำลังชัก ท่านจะสามารถให้การปฐมพยาบาลได้อย่างถูกวิธีค่ะ

สนใจบริการ

เฝ้าไข้ที่บ้านและโรงพยาบาล #พาผู้สูงอายุไปโรงพยาบาล #ดูแลเจาะเลือดที่บ้าน #บริการทำแผลที่บ้าน #บริการวางแผนสอนดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุที่บ้าน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line : @unitynursingcare
Tel ????: 063-526-5593
E-mail ????: unitynursingcare@gmail.com
Website ???? : www.unitynursingcare.com

ไข้เลือดออก (Dengue Hemorrhagic Fever)

ไข้เลือดออก คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) โดยเชื้อไวรัสเดงกีมีทั้งหมด 4 สายพันธ์ ได้แก่ DENV-1, DENV-2, DENV-3 DENV-4 นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคนที่เคยเป็นไข้เลือดออก เมื่อหายแล้ว สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้

การติดเชื้อไวรัสเดงกีนั้น มียุงลายเป็นพาหะ ซึ่งยุงลายเป็นยุงที่ออกหากินตอนกลางวัน ลักษณะของยุงลายสังเกตได้จากลำตัวและขาที่มีลายสีขาว-ดำสลับกัน โดยตัวที่เป็นพาหะในการนำเชื้อไวรัสเดงกีมาสู่คนเป็นยุงลายตัวเมียค่ะ โดยเชื้อจะมีระยะฟักตัว 8-12 วันในตัวยุง หลังจากนั้น เมื่อยุงไปกัดคนต่อ จะทำให้ผู้ที่ถูกกัดได้รับเชื้อไวรัสนั้นเข้าไปด้วยค่ะ

โดยอาการของไข้เลือดออก มีดังนี้

  1. มีไข้สูง มากกว่า 38 องศาเซลเซียส นาน 2-7 วัน
  2. มีปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว
  3. มีเกล็ดเลือดต่ำทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย สังเกตได้จาก การมีจุดจ้ำเลือดตามผิวหนัง มีเลือดออกตามไรฟัน เป็นต้น
  4. ในรายที่มีอาการรุนแรงจะมีการรั่วซึมของ plasma ไปที่เยื่อหุ้มปอดและช่องท้อง ทำให้เกิดภาวะ hypovolemic shock ในระยะนี้มักพบร่วมกับมีการลดลงของไข้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการเสียชีวิตตามมาได้

เมื่อทราบแบบนี้แล้ว เราควรที่จะป้องกันตนเองจากไข้เลือดออกกัน โดยการกำจัดลูกน้ำและยุงลายที่เป็นพาหะ เช่น การคว่ำภาชนะที่มีน้ำขังเพื่อป้องกันการวางไข่ของยุงลาย การป้องกันยุงกัดโดยการทาโลชั่นหรือใช้สเปรย์กันยุง เป็นต้นค่ะ

สนใจบริการ

เฝ้าไข้ที่บ้านและโรงพยาบาล #พาผู้สูงอายุไปโรงพยาบาล #ดูแลเจาะเลือดที่บ้าน #บริการทำแผลที่บ้าน #บริการวางแผนสอนดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุที่บ้าน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line : @unitynursingcare
Tel ????: 063-526-5593
E-mail ????: unitynursingcare@gmail.com
Website ???? : www.unitynursingcare.com

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

วันนี้ Unity Nursing Care พาทุกคนมารู้จักกับโรคหลอดเลือดสมอง หรือสโตรค (stroke) นั่นเองค่ะ

โรคหลอดเลือดสมอง มี 2 แบบ ได้แก่

  1. โรคหลอดเลือดสมองตีบหรือตัน (ischemic stroke) ซึ่งอาจเกิดได้จากคราบพลัคซ์(plaque) หรือไขมัน ที่สะสมในหลอดเลือดที่มีปริมาณมากขึ้น หรือจากการมีลิ่มเลือดหรือเกร็ดเลือดเข้าไปอุดกั้นหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมอง
  2. โรคหลอดเลือดสมองแตก (hemorrhagic stroke) ซึ่งเกิดจากแรงดันเลือดที่สูง เช่น ภาวะความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุมหรือรักษา

เรามาดูอาการของโรคหลอดเลือด เพื่อสามารถประเมินและพาผู้ป่วยไปรับการรักษาได้อย่างทันท่วงทีกันค่ะ

การประเมินโรคหลอดเหลือดสมอง เราใช้หลัก F-A-S-T ในการประเมินค่ะ ซึ่งได้แก่

F – Face (ใบหน้า) ผู้ที่มีอาการของโรคหลอดเลือดสมองจะมีอาการแสดงทางใบหน้า มุมปากตกข้างหนึ่ง หากให้ยิ้มจะยิ้มได้ซีกเดียว แต่มุมปากอีกข้างจะตกค่ะ

A -Arm (แขน) ผู้ที่มีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง จะมีอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง โดยหากให้ยกแขนในระดับที่เท่ากันทั้ง 2 ข้าง จะยกได้เพียงข้างเดียว หรืออาจสังเกตได้จากการติดกระดุมเสื้อ ผู้ที่มีอาการโรคหลอดเลือดสมองจะใช้มือเพียงข้างเดียวในการติดกระดุม เพราะแขนอีกข้างอ่อนแรง ยกไม่ขึ้น

S – Speech (คำพูด) ผู้ที่มีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง จะพูดไม่ชัดลักษณะเหมือนลิ้นคับปาก

T – Time (ระยะเวลา) หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการข้างต้น ให้รีบพามาโรงพยาบาลในระยะเวลา 4 ชั่วโมง 30 นาที หรือหากจะให้ดีต้องภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที เพื่อตรวจรับการวินิจฉัย และให้ยาได้ทันค่ะ

โรคหลอดเลือดสมอง หากท่านสังเกตเห็นอาการในระยะเริ่มต้นและพาผู้ป่วยมารับการรักษาได้ทัน ผู้ป่วยจะสามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับไปใช้ชีวิตได้ตามเดิมค่ะ

สนใจบริการ

เฝ้าไข้ที่บ้านและโรงพยาบาล #พาผู้สูงอายุไปโรงพยาบาล #ดูแลเจาะเลือดที่บ้าน #บริการทำแผลที่บ้าน #บริการวางแผนสอนดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุที่บ้าน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line : @unitynursingcare
Tel ????: 063-526-5593
E-mail ????: unitynursingcare@gmail.com
Website ???? : www.unitynursingcare.com

โรคลมแดด หรือโรคฮีท สโตรค(Heat Stroke)

จากวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ (ถึงแม้หลายๆ คนจะคิดว่า เอ้ ประเทศเราก็เหมือนจะร้อนทุกฤดูอยู่แล้วนะ ก็ตามทีค่ะ ????) เมื่ออากาศร้อน สิ่งที่มักจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ คือ การเป็นโรคลมแดดนั่นเองค่ะ

การเป็นโรคลมแดด หรือที่เรียกว่า Heat Stroke (ฮีทสโตรก) เกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้ร่างกายของเรามีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถระบายความร้อนออกได้ทัน

โดยอาการของโรคลมแดด มีดังนี ค่ะ

  • อาการตะคริวแดด (Heat Cramp)
  • อาการเพลียจากแดด (Heat Exhuastion) เช่น ผิวหนังแดงร้อน อ่อนเพลีย หน้ามืด อาเจียน เวียนศีรษะ ????
  • หากมีการวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก อาจวัดได้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส ค่ะ ????

โดยการดูแลปฐมพยาบาลเบื้องต้นในผู้ที่เป็นลมแดดนั้น ท่านสามารถทำได้ดังนี้

  1. พาผู้ป่วยเข้ามาพักในที่ร่ม อากาศถ่ายเทได้สะดวก
  2. คลายเสื้อผ้าให้หลวม ไม่รัดแน่น
  3. ใช้น้ำอุณหภูมิห้องช่วยเช็ดตัวเพื่อระบายความร้อน
  4. เมื่อผู้ป่วยรู้สึกตัวให้ดื่มน้ำเย็นเพื่อระบายความร้อนในร่างกายและป้องกันภาวะขาดน้ำ

เมื่อทราบแบบนี้แล้วเราควรป้องกันตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นลมแดด ซึ่งสามารถทำได้ ดังนี้ ค่ะ

  1. ใช้อุปกรณ์ป้องกันแดด เช่น หมวก ร่ม ????
  2. ดื่มน้ำเพื่อป้องกันการขาดน้ำและลดอุณหภูมิของร่างกาย ????
  3. หลีกเลี่ยงการออกไปกลางแจ้งเมื่อแดดร้อนจัด
  4. หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่หนา สีเข้ม

การป้องกันตนเองจากการเป็นลมแดดนั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะต้องทำในสภาพอากาศที่ร้อนนะคะ เพราะการเป็นลมแดดไม่ใช่เพียงแค่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย มีไข้ แต่หากอุณหภูมิร่างกายสูงมากอาจทำให้หมดสติและถึงขั้นเสียชีวิตได้ค่ะ ☠️


สนใจบริการ
เฝ้าไข้ที่บ้านและโรงพยาบาล #พาผู้สูงอายุไปโรงพยาบาล #ดูแลเจาะเลือดที่บ้าน #บริการทำแผลที่บ้าน #บริการวางแผนสอนดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุที่บ้าน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line : @unitynursingcare
Tel ????: 063-526-5593
E-mail ????: unitynursingcare@gmail.com
Website ???? : www.unitynursingcare.com

ทำไมเวลาไปโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ต้องถามชื่อบ่อยๆ ด้วยนะ?

จากการพาผู้สูงอายุไปโรงพยาบาลของ Unity Nursing Care เรามีเรื่องน่าสนใจและเป็นประโยชน์มาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ

ก่อนอื่นต้องถามว่า คุณเคยไหมคะ เวลาไปโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ต้องถามกันตลอดว่า คนไข้ ชื่อ-นามสกุลอะไรคะ?
บางที บอกไปแล้ว เจ้าหน้าที่คนใหม่มา หรือไปติดต่ออีกจุดบริการหนึ่งก็ถามใหม่
เพราะอะไรน้า? เขาจำชื่อเราไม่ได้หรอ ?

จริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ การถามชื่อ-นามสกุล ของผู้ป่วยก่อนทางโรงพยาบาลจะให้บริการทุกครั้ง นั่นเป็นเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยเองค่ะ เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการให้บริการ เช่น

  • ผู้รับที่อาจจะมีชื่อคล้ายกัน
  • ผู้รับบริการที่มีชื่อเหมือนกัน แต่นามสกุลต่างกัน
  • หรือในบางกรณี หากชื่อ-นามสกุล ตรงกัน (เกิดขึ้นได้น้อยมาก) อาจต้องมีการถามวันเดือนปีเกิด ดูเลขทะเบียนผู้ป่วย เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนค่ะ
  • และในผู้สูงอายุ บางทีอาจฟังชื่อเวลาเรียกเพื่อให้บริการไม่ถนัด อาจฟังผิด คิดว่าเป็นชื่อตนเองได้ค่ะ

การระบุตัวตนที่ถูกต้องนั้น เป็นประโยชน์โดยตรงกับผู้รับบริการ เพราะเป็นการป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการทำหัตถการต่างๆ เช่น การฉีดยา เจาะเลือด หรือแม้แต่การให้ยา ค่ะ

(ขอบคุณภาพประกอบ จากโรงพยาบาลศิริราช)

สนใจบริการ
เฝ้าไข้ที่บ้านและโรงพยาบาล #พาผู้สูงอายุไปโรงพยาบาล #ดูแลเจาะเลือดที่บ้าน #บริการทำแผลที่บ้าน #บริการวางแผนสอนดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุที่บ้าน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line : @unitynursingcare
Tel ????: 063-526-5593
E-mail ????: unitynursingcare@gmail.com
Website ???? : www.unitynursingcare.com